นายวิจักร อากัปกริยา อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จะครบรอบวันสถาปนา ปีที่ ๖๑ ซึ่งตรงกับวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ กรมฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมพิเศษ ภายใต้ชื่องาน "บัญชีมีคุณภาพ โปร่งใส ก้าวไกลสู่อาเซียน” หรือ 61st Year of Quality เพื่อเผยแพร่บทบาท ภารกิจ ข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้และการให้บริการต่างๆ ตลอดจนผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ดำเนินการและขยายผลสู่กลุ่มเป้าหมาย นอกจากนั้นยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ในฐานะเป็นองค์กรที่พัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านการเงินและการบัญชีของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้โปร่งใส เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ ทั้งยังเป็นกำลังสำคัญ เพื่อสร้างบุคคลากรในขบวนการสหกรณ์ให้เป็นนักบริหารงานบัญชีสหกรณ์ อีกทั้งร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาบัญชีสหกรณ์ในประเทศไทยสู่อาเซียน (AEC) โดยกำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา ๒ วัน ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ ห้องปรินซ์แกรนด์บอลลูม โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายวิจักร กล่าวต่อว่า ในวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ จัดให้มีพิธีเปิดงาน และการมอบโล่ประกาศ เกียรติคุณแก่ผู้ตรวจสอบกิจการระดับประเทศ ผู้ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สนับสนุนและคุณประโยชน์ให้กับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ รวมทั้งหน่วยงานและบุคคลดีเด่นทั้งในระดับภาคและระดับประเทศ โดยเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานมอบรางวัล ส่วนในภาคบ่าย เป็นกิจกรรมการเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ "บัญชีมีคุณภาพ โปร่งใส ก้าวไกลสู่อาเซียน”โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากภาครัฐและเอกชน ร่วมบรรยาย นอกจากนี้ ยังมีการแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทั้งนิทรรศการแสดงผลงานด้านโปรแกรมบัญชีที่น่าสนใจ รวมไปถึงนิทรรศการครูบัญชีดีเด่น ก็จะนำมาจัดแสดงไว้ในวันนี้ด้วย ส่วนกิจกรรมในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ จัดให้มีพิธีทางศาสนาและพิธีมอบโล่และประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการดีเด่น ณ บริเวณกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ "กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ตั้งใจจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ให้มีความยิ่งใหญ่และมีคุณภาพ เพื่อต้องการให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสองวัน ได้ร่วมชื่นชมผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา ๖๑ ปี ที่ผ่านมาของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่ได้ทุ่มเทสร้างความรู้และส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้แก่บุคลากรและเครือข่ายเกษตรกร เยาวชน ขบวนการสถาบันสหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มอาชีพและกลุ่มเป้าหมายตามโครงการพระราชดำริ รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการพัฒนาศักยภาพทางด้านการเงินและการบัญชีของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง จนเห็นผลสัมฤทธิ์ คือ สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร สามารถสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้ตนเองและครอบครัว ได้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนทั้งในปัจจุบันและอนาคต” อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว.